คุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าการขับถ่ายแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ใช้เวลาและทรมานทุกครั้งมั้ย ? ถ้าคุณเป็นแบบนี้บ่อยๆ ก็แสดงว่าคุณมีอาการท้องผูกแล้วหล่ะ อาการท้องผูกเป็นยังไง ? ท้องผูกบ่อยๆทำให้มีปัญหาอะไรตามมา ? เรื่องใกล้ตัวแบบนี้พลาดไม่ได้นะคะ อ่านไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
อาการท้องผูกเป็นแบบไหน ?
อาการท้องผูกไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งในการขับถ่ายค่ะ บางคนถ่ายอาทิตย์ละ 3 ครั้งแต่ถ่ายแบบสบายๆไม่ต้องเบ่ง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณต้องเบ่งทุกครั้งที่ขับถ่าย และใช้เวลานานเป็นครึ่งชั่วโมง บางทีต้องใช้น้ำฉีด ใช้นิ้วล้วง ถ่ายไม่สุด อุจาระแข็ง ออกมาทีละนิด แถมรู้สึกอัดอัดแน่นท้องด้วย อาการเหล่านี้แหล่ะค่ะ ที่เรียกว่า ท้องผูก
สาเหตุมาจากอะไร ?
อาการท้องผูกมาจากหลายสาเหตุค่ะ อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ ดื่มน้ำและ กินอาหารจำพวกผักและผลไม้น้อยเกินไป กลั้นอุจาระบ่อยๆ ไม่ออกกำลังกาย ทำให้ลำใส้ไม้ค่อยมีการเคลื่อนไหว
บางเป็นเพราะ การทำงานของกล้ามเนื้อกับการขมิบหูรูดทวารหนักทำงานไม่ประสานกันทำให้ไม่มีแรงเบ่งมากพอ ทำให้อุจาระออกมาไม่ได้ หรือ บางคนสำไส้ใหญ่ทำงานผิดปกติ ทำให้เคลื่อนไหวน้อยลง ส่วนบางคนเป็นผลข้างเคียงจากยาที่รักษาอาการซึมเศร้า โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ และยาลดกรด ยาลดความดันค่ะ
ท้องผูกและปัญหาที่ตามมา
ท้องผูกฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ แต่คุณรู้มั้ยคะ ถ้าคุณละเลยมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอนค่ะ ช่วงแรกๆอาจจะรู้สึกอึดอัดเบื่ออาหาร ปวดหัว หน้าเป็นสิว ผิวไม่สดใส แต่นานๆไป ถึงขั้นเป็นโรคริดสีดวงทวารเลยนะ ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ถ้ามีอาการท้องผูกบ่อยๆอาจจะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ท้องผูกยังเป็นสาเหตุของไส้เลื่อน และกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ด้วยค่ะ
ท้องผูกแก้ได้ง่าย ๆ โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เริ่มต้นด้วยการดื่มน้ำเปล่า 2 แก้วหลังจากตื่นนอน ฝึกนั่งขับถ่ายวันละ 15 นาทีทุกวันเพื่อให้ลำไส้เกิดความเคยชิน กินผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงเยอะ ๆ และดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และที่สำคัญควรออกกำลังกายเป็นประจำอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวดีขึ้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆไม่ควรกินยาระบายนะคะ
สาวๆคนไหนไม่อยากทรมารกับอาการเหล่านี้ก็รีบๆดูแลตัวเองก่อนที่จะสายเกินไปนะคะ
Photo by Marc Schaefer on Unsplash