รู้ทันและป้องกันโรค ‘นิ้วล็อก’ (trigger finger)

หลายคนอาจสงสัยกันอยู่ว่า เอ..เราจะเริ่มมีอาการนิ้วล็อกแล้วรึป่าวนร้า?!   โดย “โรคนิ้วล็อก”  (trigger finger)  เริ่มได้ตั้งแต่รู้สึกปวดๆตรงโคนนิ้ว จะเหยียดจะงอนิ้วก็ติดๆขัดๆ  จนถึงขั้นมีเสียงดัง ‘กลิ๊ก’ เวลาขยับ!!  ลองมาดูสาเหตุ/อาการ เพื่อรู้เท่าทันในการรักษา/ป้องกันสิค่ะ 

สาเหตุ/อาการ

ใช้งานมือ+นิ้วมือมากๆ เป็นเวลานาน จะเกิดอาการอักเสบที่ปลอกหุ้มเอ็นตรงบริเวณโคนนิ้วได้ พบบ่อยในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ , แม่บ้าน , ช่างตัดเสื้อผ้า-ทำผม ไปจนถึงสายกีฬาที่อาจต้องจับต้องกำอุปกรณ์แบบแน่นๆ และล่าสุด คือ รวมกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเล่นมือถือ/แท็บแล็ต/คอมพิวเตอร์เข้าไปซะแล้ว 

โดยอาการจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ 

ระยะแรก : ปวดๆ บริเวณโคนนิ้ว แต่ยังเคลื่อนไหวได้ดี

ระยะที่สอง : เริ่มรู้สึกสะดุดเวลาจะขยับ-เหยียด-งอนิ้ว หรือปวดมาก แต่ยังพอขยับได้อยู่

ระยะที่สาม : นิ้วล็อกจนไม่สามารถเหยียดออกเองได้ ต้องใช้นิ้วอื่น/มืออีกข้างช่วย

ระยะที่สี่ : มีอาการเจ็บปวดที่รุนแรง นิ้วติดจนขยับ/งอไม่ได้แล้ว

ขั้นตอนรักษา

ระยะที่ 1 , 2  แพทย์จะวินิจฉัยรักษาโดยให้ทานยาแก้ปวด  พักการใช้งานนิ้วนั้น หรือ สั่งอุปกรณ์ดามนิ้่วเพื่อช่วยเหลือ รวมถึงเวชศาสตร์การฟื้นฟู เช่น แช่น้ำอุ่นและขยับเบา ๆ 10-20 นาที , ใช้เครื่องเลเซอร์/คลื่นกระแทกเพื่อลดอาการอักเสบและปวด. ระยะที่ 3 , 4  จะมีการฉีดสเตียรอยด์เฉพาะแห่ง หรือ ผ่าตัดปลอกปลอกหุ้มเอ็นที่หนาตัวให้เปิดขยาย จนเส้นเอ็นสามารถขยับได้คล่องขึ้น 

วิธีป้องกัน

ห่างไกลจากโรคนิ้วล็อก.. เราจะต้องรู้ตัวก่อนเพื่อพักยืดเส้นยืดสายในระหว่างทำงาน แถมยังลดอาการบาดเจ็บอื่นอย่างออฟฟิศซินโดรม , ปวดคอ-บ่า-ไหล่ด้วย. พยายามจะไม่หิ้วของหนักมากเกินไป , หักนิ้วเล่น และใช้เครื่องซักผ้าแทนการซักมือบ้างนะคะ หากเริ่มมีอาการปวดๆแล้วต้องไม่ดัดนิ้วเอง แต่เเช่มือในน้ำอุ่น บริหารนิ้วมือเบาๆ ร่วมด้วย

อ่านดูแล้ว.. เริ่มมีอาการ หรือ ยังไม่ค่อยแน่ใจ สามารถไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาได้  โดยวิธีการรักษาของแต่ละบุคคลจะไปไปตามอาการและความรุนแรงของโรค แพทย์เฉพาะทางจึงจะให้คำปรึกษาได้ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยได้ตัดสินใจในเรื่องของข้อดี-ข้อเสียในการรักษาค่ะ

อ้างอิง1 อ้างอิง2 อ้างอิง3

Photo by Alice Etelea on Unsplash