ปั้นเรซูเม ยังไงให้ปัง? !

ในยุคนี้งานหายากมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้งานเราจำต้องมีทักษะและความชำนาญในหลายๆด้านและสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือเรซูเมค่ะ เรซูเมคืออะไร ? ทำไมจึงสำคัญ ? และ เขียนเรซูเมยังไงให้ได้งาน และ HR อ่านแล้วไม่โยนทิ้ง ?  ในบทความนี้มีข้อมูลมาฝากค่ะ  

เรซูเมคืออะไร ทำไมจึงสำคัญ ?

เรซูเม คือ เอกสารที่สรุปข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับประวัติการทำงาน ประสบการณ์ คุณสมบัติ และทักษะส่วนบุคคลค่ะ เรซูเม มีด้วยกัน 3 แบบค่ะ คือ เรซูเมเน้นประสบการณ์ในการทำงาน , เน้นทักษะ ความสามารถ , และแบบผสมผสานค่ะ

เวลาเราสมัครงานทางบริษัทเขาไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับตัวเรามากนักหรอกค่ะ  แต่ข้อมูลในเรซูเม นั่นแหล่ะค่ะ ที่สามารถแนะนำตัวเราได้ดีที่สุด คุณจะได้งานหรือไม่ และHRจะหยิบขึ้นมาอ่านมั้ย ? ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่รูปแบบที่คุณเขียนและข้อมูลที่คุณใส่ลงไปน่าสนใจหรือไม่ค่ะ

ควรใส่อะไรในเรซูเม ?

ถึงแม้ว่าเรซูเม จะไม่ได้เป็นหลักประกันที่ช่วยให้เราได้งานทำ แต่เรซูเมที่ดีจะทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้จ้างงานได้ซึ่งเป็นด่านแรกที่พาเราเข้าสู่การสัมภาษณ์ค่ะสิ่งที่เราควรใส่ลงไปในเรซูเมก็คือ… 

สำหรับเด็กจบใหม่ : ในเรซูเม่ จะมีข้อมูลส่วนตัว สกิลในด้านต่าง ๆ 10% , ประสบการณ์ฝึกงาน การศึกษา   30 % , และกิจกรรมตอนฝึกงาน 20 %  

สำหรับคนที่มีประสบการณ์ : ในเรซูเมควรจะมีข้อมูลส่วนตัวและ การศึกษา  10 %  , ประสบการณ์ทำงาน 50 %  , และ สกิลในด้านต่าง ๆ 20%ค่ะ 

ปังแน่ ! ถ้าเรซูเม ครบถ้วน สวยงาม อ่านง่าย

เมื่อเขียนเรซูเม เราต้องทำให้ HR เห็นความสามารถของเราให้ได้มากที่สุดนะคะ  เพราะฉะนั้นข้อมูลที่เราใส่ลงไปต้องครบถ้วน สวยงาม อ่านง่าย  เช่น ข้อมูลติดต่อกลับต้องทำให้เห็นเด่นชัด ส่วนประสบการณ์ในการทำงาน การศึกษา และทักษะและความสามารถพิเศษต่างๆ ควรจะอยู่ด้วยกันโดยแบ่งเป็น 2 คอลัมน์ หรือทำเป็นตารางเพื่อทำให้ HR สแกนได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ส่วนข้อมูลควรจะลิสต์เป็นข้อๆ เพื่อไม่ให้ยาวเกินไปและน่าอ่านค่ะ 

การจัด Fomat ของเรซูเมให้เข้าตาของ HR  และน่าสนใจก็ต้องมีรูปแบบที่สวยงาม เลือกฟอนต์และขนาดที่เหมาะสม และต้องเป็นฟอนต์เดียวกันทั้งหมดค่ะ เพื่อให้การอ่านราบรื่นยิ่งขึ้นค่ะ

รู้สึกยังไงเมื่อได้อ่านวิธีเขียนเรซูเมให้ปัง ! ที่นำมาฝากไม่ยากเกินไปใช่มั้ยคะ? ในเมื่อเรซูเม มีความสำคัญขนาดนี้ตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดนะคะ ดิฉันขอเป็นกำลังให้ค่ะ สู้ๆ นะคะ

Photo by Markus Winkler on Unsplash