น้ำส้มสายชูเกิดจากกระบวนการหมักที่ได้จากผลไม้ หรือ อาหารจำพวกแป้ง เช่น ข้าว กากน้ำตาล ทำให้เกิดกรดอะซิติก ซึ่งในกรดแอซิติกนี้จะมีปริมาณค่า pH อยู่ที่ประมาณ 2-3 (มีความเป็นกรด) จึงสามารถช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษได้ดี ดังนั้นน้ำส้มสายชูจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยถนอมอาหารได้ ในราคาที่แสนประหยัด มาดูวิธีการกันนะคะว่าเราสามารถนำน้ำส้มสายชูสามารถทำอะไรได้บ้าง
นำไปใส่>>เวลาหุงข้าว
ในหน้าร้อนเพื่อนๆอาจเคยประสบปัญหาว่าข้าวที่เราหุงไว้มักเน่าเสียได้ง่ายใช่ไหมคะ การนำน้ำส้มสายชูใส่เข้าไปด้วยเวลาที่เราหุงข้าวจะช่วยให้ข้าวของเรานุ่มฟูและไม่บูดง่าย วิธีการก็เพียงแค่ใส่ข้าว 1 ถ้วยต่อน้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา เห็นไหมคะไม่ได้ยากเลย
นำไปใส่>>เพื่อหมักผักสลัด
ตามปกติผักสดมันจะมีแบคทีเรียปนเปื้อนมาด้วย การนำผักไปแช่น้ำส้มสายชูหรือนำน้ำส้มสายชูผสมเกลือและน้ำตาลเล็กน้อย แล้วนำไปหมักไว้ในสลัดที่เราต้องการที่จะทาน แช่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที จะช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ปนเปื้อนมาจากผัก นอกจากนั้นยังทำให้ผักสดกรอบและอร่อยด้วย
นำไปใส่>>เพื่อหมักปลา
ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน และปลาซาบะ มักจะเกิดการเน่าเสียได้ง่าย ดังนั้นการนำน้ำส้มสายชูไปหมักปลา จะช่วยยืดอายุของเนื้อปลาให้เก็บได้นานขึ้น และเนื้อปลาก็จะคงความสดไว้อีกด้วย
นำไปใส่>>เพื่อเป็นส่วนผสมในเครื่องปรุง
ถ้าเพื่อนๆทำอาหาร ลองหยดน้ำส้มสายชูลงไปเพียงเล็กน้อยดูสิคะ อย่าเพิ่งตกใจนะคะว่าสามารถทำได้ด้วยหรอ ทำได้ค่ะ… เพราะว่าน้ำส้มสายชูจะช่วยยืดอายุของอาหารทำให้อาหารไม่เน่าเสียง่าย และยังช่วยให้เราเจริญอาหารได้ด้วยนะ
เห็นไหมคะสำหรับเคล็ดลับง่ายๆในการถนอมอาหารไม่ยากเลยใช่ไหมคะ แต่น้ำส้มสายชูมีหลายชนิดและมีหลายเกรด มีทั้งน้ำส้มสายชูหมัก(แท้) และน้ำส้มสายชูเทียม ตรงนี้เพื่อนๆต้องเลือกกันด้วยนะคะ เพราะถ้าเป็นน้ำส้มสายชูเทียมอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ค่ะ
Photo by Alexander Mils on Unsplash