ซูชิ & ซาซิมิ อาหารญี่ปุ่นสุดปราณีตที่ขึ้นชื่อระดับโลก!

เป็นที่โปรดปรานของชาวโลกและในไทยบ้านเราจะต้องมีชื่อของ ซูชิ & ซาซิมิอยู่แน่ๆ และอาหารทั้งสองชนิดนี้อาจเรียกว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้

2 เมนู ต่างกันในเรื่องหน้าตา เพราะซูชิ คือ ข้าวปั้น ส่วนซาซิมิ คือ การทานเนื้อสัตว์แบบดิบโดยไม่ผ่านการปรุง. ส่วนเครื่องเคียง.. สหายของซูชิเป็น โชยุ หรือ ทานเปล่าๆ(ผสมวาซาบิแล้ว) ส่วนซาซิมิจะเสิร์ฟคู่ขิงดอง , หัวไชเท้าขูด และ วาซาบิค่ะ

ซูชิ( sushi – 寿司)

ข้าวปั้นมีหน้า ที่เราคุ้นเคยนี้ใช้ส่วนประกอบ คือ ซูชิเมะชิ (寿司飯) หรือ ข้าวที่ผสมน้ำส้มสายชู ท็อปด้วยหน้าแบบต่างๆ เช่น อาหารทะเล ไข่ เห็ด เนื้อดิบ หรือ ผ่านการปรุงเล็กน้อย เพราะดั้งเดิมจริงๆ ซูชิ เกิดขึ้นจากการถนอมอาหารของชาวญี่ปุ่นโบราณในยุคร้อยปีเลยล่ะ

แบ่งประเภท คือ นิงิริซูชิ (Nigiri Sushi) – ข้าวปั้นรูปวงรีแล้ววางหน้าต่างไว้ด้านบน , มากิซูชิ (Maki Sushi) – การม้วนข้าวสลับกับสาหร่าย หรือ ห่อเป็นรูปกรวย , ชิราชิซูชิ (Chirashi Sushi) – จัดวางหน้าต่างๆ เรียงไว้บนข้าวที่ในกล่อง , โอชิซูชิ (Oshi Sushi) จากโอซาก้า คือ ข้าวที่อัดลงแม่พิมพ์ หั่นขนาดพอดีคำ แล้ววางหน้าไว้ด้านบน และ อินะริซูชิ คือ การนำมาใส่ในถุงเต้าหู้ค่ะ

ซาชิมิ (sashimi – 刺身)

เป็นที่รู้จักมาแต่สมัยคามาคุระ (ค.ศ.1185–1333) ซึ่งชาวประมงมักจะนำปลาที่จับได้มาแล่เป็นชิ้น แล้วรับประทานกันสดๆ เมื่อจับคู่กับ โชยุ ที่เข้ามาในยุคมุโรมาจิ (ค.ศ. 1336) ซึ่งมีราคาสูง เมนูซาชิมิ จึงกลายมาเป็นอาหารของชั้นสูง จนถึงตอนปลายยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603) จึงเริ่มเป็นที่นิยมในทุกพื้นที่

ซาชิมิคือการลิ้มรสชาติของวัตถุดิบโดยตรง หั่นหรือทำเป็นชิ้นพอคำ เช่น มากุโระ-ปลาเนื้อแดงซึ่งไม่ติดมัน , จูโทโระ หรื อโอโทโระ จะมีมันแทรก ,ซาแกะ(แซลมอน), อิกะ(ปลาหมึก), ทาโกะ(ปลาหมึกยักษ์), คัตสึโอะ(ปลาโอ), ปลาซาบะ และ หอยต่างๆ เน้นไปที่วัตถุดิบตามฤดูกาล คงความสะอาดและสดใหม่เป็นสิ่งสำคัญ จัดวางอย่างสวยงาม ทานคู่กับโชยุ และ ทสึมะ (เครื่องเคียง) เพื่อลดความคาว เช่น ขิงดอง , หัวไชเท้าขูด , ใบชิโสะ , วาซาบิ ,บ๊วย และ มัสตาร์ด

… ยุคก่อนๆ ซาซิมิจะเป็นเมนูสำหรับผู้มีฐานะเท่านั้น ส่วนซูชิจะก็มาจากการถนอมอาหารของชาวญี่ปุ่น แต่ถ้าได้ลิ้มลองโดยเฉพาะการทานคู่กับวาซาบิสดบด จะยิ่งดึงรสชาติของปลาดิบให้หวานมากขึ้นไปอีก ถ้ามีโอกาสจะต้องไปเยือนอิซากายะสักหน่อยแล้ว >.<

ภาพโดย Juan Emilio López Gallardo จาก Pixabay