เพื่อนๆรู้สึกอินกับบรรยากาศ 4 จุดเช็คอินที่เอามาฝากในตอน 1 บ้างหรือยังคะ ? แต่ถ้ายังรู้สึกว่ายังอินไม่พอ งั้นไปชมจุดอื่นๆ ที่เหลือในตอน 2 ต่อกันเลยนะคะว่า จะสวยขนาดไหน และน่าไปเหมือนจุดที่ผ่านๆมาหรือเปล่า…
ด่านซือหม่าไถ
ด่านนี้ถือว่าเป็นด่านกำแพงเมืองจีนที่สวยที่สุด เพราะกำแพงตั้งอยู่บนแนวเขาที่มีความสูงชัน และเป็นด่านเดียวที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ในเวลากลางคืนค่ะ บริเวณหมู่บ้านรอบๆ ทางรัฐบาลก็ได้ปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เมืองโบราณริมน้ำกู่เป๋ยสุ่ยเจิ้น’ ซึ่งมีทั้งโรงแรมและร้านอาหาร ร้านขายของพื้นเมืองขึ้นชื่อ ถึงแม้ว่าไกลจากกรุงปักกิ่งถึง 140 กิโลเมตร แต่ถ้าใครได้มาเที่ยวด่านนี้รับรองว่าคุ้ม เกิน คุ้ม แน่นอนค่ะ
ด่านเจี้ยนโค่ว
ด่านเจี้ยนโค่ว เข้าชมได้ฟรี ! แต่ก็ไม่ค่อยมีใครมา เพราะเป็นด่านที่โหดสุดๆ เหมาะกับคนที่ชอบความท้าทายและชอบการผจญภัยเท่านั้น เพราะว่าแนวกำแพงตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน ทางขึ้นลงลำบากและยังไม่ได้รับการซ่อมแซมเหมือนกับด้านอื่นๆ
ข้อดีคือ ทำให้กำแพงเมืองจีนมีความเป็นโบราณอยู่มาก การถ่ายภาพจุดนี้จะได้วิวธรรมชาติที่สวยงามมากๆ เพราะไมค่อยมีคนค่ะ
ด่านเจียยวี่กวน
ด่านนี้อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมืองเจียยวี่กวนมลฑลกานซู ในอดีต ด่านนี้จะเป็นประการสำคัญของการเข้าออกประเทศจีนบนเส้นทางสายไหมเอกลักษณ์ ของด่านนี้ก็คือ กำแพงสร้างจากอิฐสีเหลืองนวลทำให้กลมกลืนกับทะเลทรายโกบีที่อยู่ล้อมรอบเป็นกำแพงที่ไม่สูงมากนัก ภายในด่านประกอบไปด้วยวัดกวนยู , พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองจีนและโรงละครจีนโบราณหลายแห่งค่ะ
ด่านซานไห่กวน
ด่านนี้ถือเป็นจุดปิดท้ายของการเที่ยวกำแพงเมืองจีนค่ะ เพราะเป็นด่านเดียวที่อยู่ติดทะเล ! ส่วนด้านเหนือจะติดกับภูเขาเยียนซาน ทางใต้ติดทะเลป๋อไห่ ตรงจุดนี้เราจะเห็นวิวของภูเขาและวิวทะเลไปพร้อมๆกันค่ะ ด่านนี้ทางเดินในกำแพงไม่ค่อยลาดชันค่ะ เนื่องจากพื้นที่ชายฝั่งทางด้านที่กำแพงตั้งอยู่มีลักษณะเป็นชายหาด สามารถเดินเล่นได้ไม่เหนื่อยค่ะ
กำแพงเมืองจีนไปตอนไหนก็ฟิน
พออ่านครบทั้ง 2 ตอนแล้วทำให้เพื่อนๆอยากไปเที่ยว ดื่มด่ำกับธรรมชาติของกำแพงเมืองจีนขึ้นมาทันทีมั้ยคะ ? ขึ้นชื่อว่า มรดกโลกแล้วใครได้ไปถือว่า ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้วหล่ะค่ะ ถึงแม้ตอนนี้ยังไปไม่ได้ ดิฉันหวังว่าข้อมูลที่นำมาฝากเพื่อนๆคงจะได้ใช้ในเร็วๆนี้แน่นอนค่ะ