“ออกซิเดชัน” คือปัจจัยและสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนเราดูแก่ลงๆเรื่อยๆ แต่เมื่อไม่นานมานี้ เราก็ยินเจ้าตัวปัญหาตัวใหม่ นั่นคือ“saccharification”
เจ้า saccharification ส่งผลต่อร่างกายเราอย่างไร และเกิดขึ้นได้ยังไง ไปดูกันค่ะ
Saccharification ตัวการความแก่ และโรคร้ายที่ตามมา!!
เมื่อพูดถึงการเกิด “saccharification” … เราอาจยกตัวอย่างถึงแพนเค้กและขนมปังปิ้งได้ เพื่อนๆอาจเห็นว่าขนมปังสีเหลืองนวลดูหอหวลและน่าอร่อยเหลือเกิน แต่นั้นแหล่ะคือ ”saccharification” 0[]0!!
Saccharification นั้นเป็นปรากฏการณ์ที่โปรตีนและน้ำตาลทำปฏิกิริยากัน น้ำตาลส่วนเกินในร่างกายจะเข้าจับโปรตีนและทำให้เกิดปฏิกิริยาในการผลิตสารที่ส่งเสริมการแก่ชราที่เรียกว่า “AGE (Advanced Glycation End Product)”
เมื่อสร้างแล้ว AGE ก็ยากที่จะย่อยสลายในร่างกาย และมันจะสะสมขึ้นเรื่อยๆ … เนื่องจากโปรตีนมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในร่างกายมนุษย์ AGE จึงสะสมในที่ต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน น่ากลัวววโน๊ะ!!
ว่ากันว่าส่งผลเสียต่อผิวหนักที่สุด ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับความงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพด้วย เช่น สิว ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย ก่อให้เกิดโรคกระดูก
พรุน เกิดเส้นเลือดอุดตัน และทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
AGE จะสะสมเมื่อไร
มีการกำหนดเวลาสองช่วงเวลาที่ AGE มีแนวโน้มที่จะสะสม
ช่วงที่น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเรื่อยๆ
หลังรับประทานอาหาร ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและไกลโคเจนก็จะเกิดขึ้น นั่นแสดงว่าน้ำตาลในเลือดกำลังสูงขึ้นมาก และกำลังจะเกิด AGE สะสมมากขึ้นด้วย
เมื่อรับประทานอาหารที่มีการ saccharification จากภายนอกร่างกาย
อาหารที่มีสีน้ำตาล เช่น ปลาย่างที่เกรียมนิดๆและของทอดที่ได้รับการ saccharification ในขั้นตอนประกอบอาหารอยู่แล้ว เมื่อเราทานของพวกนี้ก็จะเกิดการสะสม AGE ขึ้นได้เช่นกัน
เราจะเลี่ยง saccharification ได้อย่างไร
เรามาดูสิ่งที่ควรเอาใจใส่เพื่อป้องกันการ saccharification มากที่สุดนะคะ
ปรับปรุงนิสัยการกิน
กินผักเยอะอๆ หลีกเลี่ยงการกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป เพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆหลังมื้ออาหาร
เลือกอาหารที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเกินไป
ว่ากันว่าอาหาร GI ต่ำช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อยๆเพิ่มขึ้นหลังการรับประทานอาหาร ตัวอย่างเช่น ลองเปลี่ยนข้าวสวยเป็นข้าวกล้อง หรือน้ำผลไม้เป็นน้ำชา
เทคนิคของวิธีปรุงอาหาร
ลองลดการทำอาหารแบบทอดหรือย่าง แล้วเปลี่ยนมาเป็น แบบนึ่งหรือต้ม หรือตุ๋นดูบ้าง
การออกกำลังกายภายหลังรับประทานอาหาร
ผู้เชี่ยวชาญพบว่าการออกกำลังกายหลังอาหารสามารถช่วยป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงขึ้นได้ ลองใช้บันไดแทนลิฟต์ หรือใช้การเดินไปแทนการนั่งรถ เพื่อออกกำลังกายเบา ๆ ดูนะคะ
ทานอาหารต่อต้านsaccharification
มีการกล่าวไว้ว่าโพลีฟีนที่มีอยู่ในอาหาร มีฤทธิ์ต้านการ saccharification
ตัวอย่างเช่นผักต่างๆ, ถั่วแระ, สมุนไพรเช่นโรสแมรี่และโหระพา, เครื่องเทศเช่นพริกไทย ชาเขียวและกาแฟ
ฟังดูแล้วไม่ยากเกินไปใช่ไหม? คุณสามารถทำได้โดยเปลี่ยนนิสัยตัวเองวันละนิด ลองนำไปใช้ดูเพื่อร่างกายที่จะชะลอการแก่ชรานะคะ
Photo by Piotr Chrobot on Unsplash