ขนมบ้าบิ่นถึงชื่อจะน่ากลัวกินแล้วจะติดใจ

ขนมไทยมีชื่อเสียงและมีเอกลักษณ์ในเรื่องรสชาติที่อร่อย หอม หวาน ชื่อขนมแต่ละชนิดก็น่ารักๆน่ากินทั้งนั้น แต่มีขนมชนิดหนึ่งที่ชื่อ บ้าบิ่น ทำไมถึงมีชื่อน่ากลัวจัง ? มีใครรู้จักและเคยกินบ้างมั้ยคะ ? เราไปทำความรู้จักกับที่มาและรสชาติไปพร้อมๆกันดีมั้ยคะ ? 

ขนมบ้าบิ่นมีที่มายังไง ?

ตามข้อมูลที่อ่านมานะคะ ที่มาของขนมบ้าบิ่นมีด้วยกัน 2 กระแสค่ะ กระแสแรกบอกว่า มาจากเจ้าของตำรับที่ชาวชุมชนกุฎิจีนที่ ชื่อ แม่บิ่น เลยมีการตั้งชื่อขนมว่า “ป้าบิ่น” เรียกไปเรียกว่าเลยเพี้ยนจนกลายเป็นบ้าบิ่น ที่เรียกกันในทุกวันนี้ค่ะ

อีกกระแสหนึ่งบอกว่า ขนมบ้าบิ่นมาจากขนมของโปรตุเกต ชื่อ กลชาดาส เดอ กรูอิงบรา  และเรียกติดปากกันสั้นๆว่า บรา ต่อมาก็เพิ่มคำว่า บิ่น เพิ่มเข้าไป จนกลายเป็นขนมบ้าบิ่นที่เรารู้จัก และเป็นขนมขึ้นชื่อของ อำเภอท่าเรือ จังหวัดอยุธยาค่ะ.

ส่วนผสมและวิธีทำ

ขนมบ้าบิ่นเป็นขนมไทยที่ทำง่ายมากๆ ส่วนผสมมีไม่กี่อย่าง เพื่อนๆคนไหนอยากทำกินเล่นๆลองทำตามสูตรนี้ดูนะคะ เป็นขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน ข้าวเหนียวดำค่ะ 

ส่วนผสม : แป้งข้าวเหนียวขาวและดำ / น้ำตาลทราย / เกลือ / ไข่ไก่ / น้ำเปล่า / หัวกะทิ / ผงฟู / มะพร้าวขูด และเนื้อมะพร้าวอ่อนค่ะ 

วิธีทำ : เอาแป้งทั้ง 2 อย่างผสมกัน แล้วใส่ น้ำตาล เกลือ ไข่ไก่ น้ำเปล่า ลงไปใช้มือคลุกให้ส่วนผสมเข้ากันประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นใส่กะทิ ฝงฟู มะพร้าวขูดลงไปขยำให้กะทิในเนื้อมะพร้าวออกมา แล้วใส่เนื้อมะพร้าวลงไป นำแป้งไปแช่ในตู้เย็นทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชนิดหน่อย ใช้ไฟอ่อน พอกระทะร้อนตักแป้งที่ผสมแล้วลงไปเกลี่ยให้เสมอกัน ปิดฝา พอได้กลิ่นหอมแล้าก็กลับด้าน ปิดฝาต่ออีกจนขนมสุกก็ตักออกมาพักบนตะแกรง เย็นแล้วก็กินได้เลยจ้า

หน้าตาและรสชาติ

ขนมบ้าบิ่นทำมาจากแป้งข้าวเหนียวผสมกับมะพร้าวอ่อน กะทิ น้ำตาล และไข่ไก่ แล้วน้ำไปปิ้งบนกระทะจนหอม ส่วนหน้าตาจะเป็นก้อนกลมๆ ออกสีน้ำตาลอ่อนๆ นิ่มๆ เมื่อกัดคำแรกคุณก็จะรู้สึกสนุกเพราะมีมะพร้าวอ่อนข้างใน ส่วนเนื้อแป้งนุ่ม รสชาติครบทั้งอร่อย หอม หวาน มันและเค็มนิดๆค่ะ

เป็นยังไงคะ พอได้รู้มา ส่วนผสม หน้าตา และรสชาติของขนมบ้าบิ่นแล้ว เพื่อนๆคิดว่าน่ากินหรือน่ากลัวคะ ? แค่จินตนาการตามผู้เขียนเองเริ่มรู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมๆของมะพร้าวโชยมาทันทีเลย วิธีทำก็ง่าย ๆไม่ยุ่งยาก ส่วนผสมก็มีไม่กี่อย่างเห็นทีต้องทำกินเองซะแล้ว ใครว่างลองทำตามสูตรที่นำมาฝากดูนะคะ

ขอบคุณรูปภาพจาก Kapook Cooking